ยาเลื่อนประจำเดือน และการใช้ยาคุมกำเนิดเลื่อนประจำเดือน ทำงานอย่างไร
ยาเลื่อนประจำเดือนคืออะไร
ยาเลื่อนประจำเดือน คือยานอร์อิทิสเตอโรน 5 มิลลิกรัม (Norethisterone 5 mg) เป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone) สังเคราะห์ชนิดหนึ่งชื่อ โปรเจสติน การทำงานของยานอร์อิทิสเตอโรนคือ จะหยุดการเจริญเติบโตตามปกติของผนังมดลูก ในช่วงเวลาที่มีประจำเดือน และเปลี่ยนแปลงการส่งสัญญาณของฮอร์โมนในมดลูก เพื่อฟื้นฟูรอบประจำเดือนให้เป็นปกติ โดยมีการใช้งานในกรณีดังต่อไปนี้
- ใช้เพื่อเลื่อนประจำเดือน
- ใช้เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกผิดปกติจากมดลูก
- ใช้เพื่อบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS, Pre-menstrual syndrome) เช่น เจ็บหน้าอก ปวดหัว ไมเกรน ภาวะคั่งน้ำ และอารมณ์หงุดหงิด
- การเจ็บปวดหรือการมีประจำเดือนมาก
- ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- มะเร็งเต้านมบางชนิด
วิธีกินยาเลื่อนประจำเดือน
กรณีที่ต้องการเลื่อนประจำเดือน ให้กินยานอร์อิทิสเตอโรน 5 มิลลิกรัม ก่อนวันที่ต้องการเลื่อนประจำเดือนประมาณ 3 วัน และกินยาไปจนกระทั่งถึงวันที่ต้องการเลื่อนประจำเดือน เมื่อหยุดกินยานอร์อิทิสเตอโรนแล้ว คุณจะมีประจำเดือนภายในเวลา 2-3 วัน สำหรับวิธีการกินยา ถ้าคุณมีน้ำหนักน้อยกว่า 60 กิโลกรัม ให้กินยานอร์อิทิสเตอโรน 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ส่วนถ้าคุณมีน้ำหนักมากกว่า 60 กิโลกรัม ให้กินยานอร์อิทิสเตอโรน 5 มิลลิกรัม 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง
ผลข้างเคียงจากการกินยา
ควรแจ้งให้คุณหมอทราบอย่างละเอียดหากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยา และหากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาหมอหรือเภสัชกรทันที
- วิงเวียนศีรษะ และอาเจียน
- ปวดหัว
- อารมณ์แปรปรวน
- มีปัญหาการนอนหลับ
- น้ำหนักขึ้นหรือน้ำหนักลดลง
- เต้านมคัด
- ความสนใจทางเพศเปลี่ยนแปลง
ผู้ที่ไม่ควรใช้ยาเลื่อนประจำเดือน
ไม่แนะนำให้วัยเด็ก และวัยรุ่นกินยาเลื่อนประจำเดือน รวมทั้งผู้ที่แพ้ยานอร์อิทิสเตอโรน หรือส่วนผสมในตัวยานอร์อิทิสเตอโรน ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือมีแนวโน้มว่าจะตั้งครรภ์ และผู้ที่มีอาการโรคดังต่อไปนี้
- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด
- มีอาการของการมีลิ่มเลือด (blood clot) เช่น เจ็บหน้าอก หายใจสั้น หรือการไอ
- เบาหวานที่ทำให้หลอดเลือดเสียหาย
- ผิวเหลือง เนื่องจากโรคดีซ่านจากการตั้งครรภ์โดยไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic jaundice of pregnancy)
- มีอาการคันทั่วร่างกาย เนื่องจากอาการคันจากการตั้งครรภ์ (pruritus of pregnancy)
การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือน
นอกหนือจากการใช้ยานอร์อิทิสเตอโรนเพื่อเลื่อนประจำเดือนแล้ว หากคุณกินยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแผงละ 21 เม็ดและ 28 เม็ด คุณก็สามารถใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือนได้ โดยวิธีการใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือนทำได้ดังนี้
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแผงละ 21 เม็ด โดยปกติต้องกินจนหมดแผงและหยุดกิน 7 วันก่อนเริ่มแผงใหม่ ซึ่งหลังจากหยุดกินยาคุมกำเนิดประมาณ 1-3 วันจะมีประจำเดือน แต่หากต้องการเลื่อนประจำเดือน ให้เริ่มกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่โดยไม่ต้องหยุดกินเป็นระยะเวลา 7 วัน
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแผงละ 24 เม็ด ชนิดแผง 24 เม็ดจะมีตัวยา 24 เม็ดและเม็ดแป้ง 4 เม็ด โดยเม็ดแป้งจะมีสีและขนาดต่างจากยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างชัดเจน หากต้องการกินยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือน ให้เริ่มกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่ โดยไม่ต้องกินเม็ดแป้ง 4 เม็ด
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแผงละ 28 เม็ด ชนิดแผง 28 เม็ดจะมีตัวยา 21 เม็ดและเม็ดแป้ง 7 เม็ด โดยเม็ดแป้งจะมีสีและขนาดต่างจากยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างชัดเจน หากต้องการกินยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือน ให้เริ่มกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่ โดยไม่ต้องกินเม็ดแป้ง 7 เม็ด
ทำไมยาคุมกำเนิดถึงเลื่อนประจำเดือนได้
ยาเม็ดคุมกำเนิดได้รับการออกแบบมาให้เลียนแบบการมีรอบเดือนตามธรรมชาติ โดยยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแผงละ 28 เม็ด จะบรรจุยา 28 เม็ดแต่มีเพียง 21 เม็ดที่มีฮอร์โมนเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ และอีก 7 เม็ดที่เหลือไม่ส่งผล หรือที่เรียกกันว่า ‘เม็ดแป้ง’ การมีเลือดออกที่เกิดขึ้นระหว่างสัปดาห์ที่คุณกินยาคุมกำเนิด เรียกว่า เลือดคล้ายประจำเดือน (withdrawal bleeding) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่อการหยุดฮอร์โมน ถ้าคุณข้ามการกินเม็ดแป้ง 7 เม็ด และเริ่มกินยาแผงใหม่ทันที คุณจะไม่มีภาวะเลือดคล้ายประจำเดือน เลือดคล้ายประจำเดือนที่เกิดขึ้นในช่วงที่คุณกินเม็ดแป้งนั้น ไม่เหมือนกับประจำเดือนปกติ และเป็นการมีเลือดออกที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย คุณจึงสามารถกินยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือนได้
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือน
เกิดภาวะเลือดออกมาก (Breakthrough bleeding) หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอยในช่วงที่มีประจำเดือน ถือเป็นอาการที่พบบ่อยเมื่อคุณกินยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือน โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรก ภาวะเลือดออกมากตามปกติจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อร่างกายของคุณปรับตัวได้ นอกจากนี้การเลื่อนประจำเดือนอาจทำให้ยากในการบอกว่าคุณตั้งครรภ์หรือไม่ หากมีอาการแพ้ท้อง เต้านมคัด หรือรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น