เลเซอร์กับเมโส แตกต่างกันอย่างไรเลเซอร์กับเมโส แตกต่างกันอย่างไร
เลเซอร์ (Laser) คือแสงชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความจ้าและพลังงานสูงมาก ความต่างของเลเซอร์กับแสงชนิดอื่นๆ คือพลังงานของแสงเลเซอร์ สามารถถูกดูดซึมเข้าไปในส่วนประกอบเล็กๆ ภายในเซลล์ผิวหนังได้ และเมื่อแสงเลเซอร์เข้าไปในเซลล์ จะทำให้เกิดความร้อนขึ้นในเซลล์นั้นๆ ทำให้เซลล์นั้นสลายตัวไปในที่สุด ด้วยเทคโนยีนวัตกรรมของเลเซอร์ที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ทำให้สามารถปรับตั้งค่าพลังงานของเครื่องเลเซอร์ เพื่อให้เกิดความร้อนขึ้นเฉพาะภายในเซลล์ที่ต้องการเท่านั้น โดยไม่ให้ความร้อนนั้นแผ่กระจายไปถูกเนื้อเยื่อที่ดีรอบๆ
ผิวหน้าที่ควรได้รับการรักษา : ผู้ที่มีปัญหาผิวพรรณเกี่ยวกับริ้วรอย ความหมองคล้ำ อาการไหม้ ผิวหนังหย่อนคล้อย หรือรอยแผลเป็นจากสิว อาจขจัดปัญหาดังกล่าวได้ ด้วยการทำเลเซอร์ปรับสภาพผิว โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะเป็นผู้ดำเนินการรักษา แสงเลเซอร์ที่ใช้ยิงจะช่วยลบร่องรอยหรือจุดที่เป็นปัญหาออกไป
ใครบ้างที่ไม่สามารถทำเลเซอร์ได้ : ผู้ที่เคยใช้ยารักษาสิวไอโซเตรทติโนอิน ก่อนเข้ารับการรักษาได้ไม่นาน ผู้ป่วยเบาหวาน ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ผู้ที่เคยมีประวัติรับการรักษาด้วยการฉายรังสีที่ใบหน้า ผู้ที่เคยมีประวัติเกิดแผลเป็นคีลอยด์ และสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
ผลข้างเคียงของการทำเลเซอร์ : ผิวหน้าไวต่อแดด ผิวหน้าระคายเคืองต่อเครื่องสำอางง่าย ผิวอ่อนแอแพ้ง่าย หน้าแห้งเป็นขุย ผิวหน้าอาจเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำได้ง่ายขึ้น อาจมีรอยแผลเป็น รอยตาข่ายจากการลอกของผิวหนังหลังจากทำเลเซอร์
เมโส (Meso Therapy) คือเป็นการทำทรีทเม้นท์ด้วยการส่งวิตามิน และสารบำรุงเข้าสู่ชั้นด้านในผิวแบบถึงที่ ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากสิว ทำให้หน้าเรียบสม่ำเสมอ ใบหน้าดูขาวใสขึ้น โดยฉีดสารที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพผิว เช่น วิตามินซี วิตามินเอ หรือสารแอนติออกซิเดนท์ เข้าสู่ชั้นผิวที่เรียกว่าผิวชั้นเมโส โดยการใช้เข็มขนาดเล็กในการเจาะผ่านเข้าไป การทำงานของมันก็คือการให้สารที่ฉีดเข้าไปกระตุ้นเซลล์ และฟื้นฟูผิวในชั้นเมโสให้ดีขึ้นและเต่งตึงขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียน ลดริ้วรอยต่างๆ
ผิวหน้าที่ควรทำเมโส : ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยแผล แผลเป็นสิว ฝ้า กระ ริ้วรอย และจุดด่างดำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดสารแอนติออกซิเดนท์ และมัลติวิตามินเข้าไปในชั้นผิวโดยตรง เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ทำให้จุดด่างดำและริ้วรอยจางลง เมื่อรักษาอย่างต่อเนื่องผิวหน้าจะขาวใส เรียบเนียนยิ่งขึ้น
ใครบ้างที่ไม่สามารถทำเมโสได้ : สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร และผู้ป่วยมีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำ เป็นโรคหัวใจและได้การรักษาด้วยยาหลายแขนง ผู้ที่เป็นโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง หรือโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
ผลข้างเคียงของการทำเมโส : ผิวหน้าอาจเกิดรอยแดงจากเข็มที่ใช้ในการรักษา โดยรอยแดงนี้จะหายไปหลังรักษาประมาณ 1-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
สรุปความแตกต่างระหว่างเลเซอร์กับเมโส
เลเซอร์ (Laser) คือการรักษาตามอาการ เช่น หากผิวมีรอยดำที่เกิดจากเม็ดสีมากผิดปกติ สามารถใช้เลเซอร์ทำลายเม็ดสีพวกนั้นให้เม็ดสีหายไป รอยดำก็หายไปได้ การเลเซอร์รอยดำจากสิว จะทำที่ชั้นผิวที่ตื้นที่สุด คือชั้นหนังกำพร้าไม่ลงลึกถึงชั้นหนังแท้
เมโส (Meso Therapy) คือการฉีดวิตามินหรือสารสำคัญอื่นๆ เข้าที่ชั้นหนังแท้ การฉีดตื้นๆ ของเมโสจะต่างจากการเลเซอร์ตื้นๆ มาก เพราะคำว่าตื้นของเลเซอร์ คือระดับ 100 ไมครอน แต่ตื้นของเมโส คือระดับ 500 ไมครอนขึ้นไป เมโสเหมือนกับการบำรุงให้ฟื้นฟู แต่ไม่ใช่การรักษาแบบเลเซอร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น