อาหารที่ควร-ไม่ควรกิน หากเสี่ยงเป็น "โรคเกาต์"




‘กรดยูริก’ คืออะไร 

   ‘กรดยูริก’ เป็นสารที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเรา โดยสามารถสร้างขึ้นได้เองถึง 80% ส่วนอีก 20% นั้นจะนำเข้ามาจากการรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยสารพิวรีน ซึ่งสารพิวรีนจะสามารถพบได้ในอาหารจำพวกสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ พืชผักบางชนิด และอาหารทะเลบางอย่าง

หากร่างกายมี ‘กรดยูริก’ มากเกินไปจะส่งผลอย่างไร 

  โดยปกติแล้ว ในร่างกายของเราจะขับส่วนที่เกินของกรดยูริกออกผ่านทางปัสสาวะ แต่ภายในร่างกายของบางคนจะไม่สามารถขับกรดยูริกออกไปได้หมด ทำให้เกิดการสะสมภายในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณกระดูก ผนังหลอดเลือด และไต (ไต เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ฟอกเลือด + ขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ) ฉะนั้น เมื่อร่างกายขับกรดยูริกออกมาได้ไม่หมดก็จะทำให้เกิดเป็นตะกอน เกิดการสะสม เมื่อนานเข้าอาจทำให้เกิดโรคเกาต์ได้
ดังนั้นผู้ที่มีกรดยูริกในเลือดสูงผิดปกติ ควรงดอาหารที่มีสารพิวรีนสูง (ข้อ 1) และลดปริมาณอาหารที่มีสารพิวรีนปานกลาง (ข้อ 2)
    1) อาหารที่ควรงด(มีพิวรีนสูง) ได้แก่
      - เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ,ตับอ่อน,ไส้,ม้าม,หัวใจ,สมอง,กึ๋น,เซ่งจี๊

      - น้ำเกรวี, กะปิ, ยีสต์

      - ปลาดุก, กุ้ง, หอย, ปลาอินทรีย์, ปลาไส้ตัน

      - ปลาซาร์ดีน, ไข่ปลา

      - ชะอม, กระถิน, เห็ด 

      - ถั่วแดง, ถั่วเขียว, ถั่วเหลือง, ถั่วดำ

      - สัตว์ปีก เช่น เป็ด, ไก่, ห่าน

      - น้ำสกัดเนื้อ, ซุปก้อน


     2) อาหารที่ควรลด (มีพิวรีนปานกลาง) ได้แก่
      - เนื้อสัตว์ เช่น หมู, วัว

      - ปลาทุกชนิด(ยกเว้น ปลาดุก, ปลาอินทรีย์, ปลาไส้ตัน, ปลาซาร์ดีน)และอาหาร

        ทะเล เช่น ปลาหมึก, ปู

      - ถั่วลิสง, ถั่วลันเตา

      - ผักบางชนิด เช่น หน่อไม้, หน่อไม้ฝรั่ง, ดอกกะหล่ำ, ผักโขม,สะตอ,ใบขี้เหล็ก

      - ข้าวโอ๊ต

      - เบียร์ เหล้าชนิดต่าง ๆ เหล้าองุ่น ไวน์(ทำให้การขับถ่ายกรดยูริกทางปัสสาวะลดลง ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว)


     3) อาหารที่รับประทานได้ตามปกติ (มีพิวรีนน้อย) ได้แก่
      - ข้าวชนิดต่าง ๆ ยกเว้น ข้าวโอ๊ต

      - ถั่วงอก, คะน้า

      - ผลไม้ชนิดต่างๆ

      - ไข่

      - นมสด, เนย และเนยเทียม

      - ขนมปัง ขนมหวาน หรือน้ำตาล

      - ไขมันจากพืช และสัตว์

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม