เตือน! ผู้สูงอายุระวัง "โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ"




สาเหตุของโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะในผู้สูงอายุ

   นายแพทย์ปานเนตร  ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเป็นปัญหาสำคัญที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ สาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความเป็นกรดในปัสสาวะและภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงมีแหล่งสะสมเชื้อโรคเพิ่มในร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีอาการปัสสาวะเล็ด ทั้งนี้ เมื่อระบบทางเดินปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรีย จึงทำให้เกิดการอักเสบ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่
  1. ติดเชื้อส่วนบนของระบบทางเดินปัสสาวะจะมีผลต่อไต และท่อไต
  2. ติดเชื้อส่วนล่างของระบบทางเดินปัสสาวะจะมีผลต่อกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ โดยมีอาการปัสสาวะแสบขัด ขุ่น ปัสสาวะบ่อยขึ้น แต่ถ้าติดเชื้อที่กรวยไตจะมีไข้ ปวดหลังร่วมด้วย  
  ส่วนสาเหตุเกิดจากภูมิคุ้มกันของผู้สูงอายุลดลง เช่น ผู้ชายจะติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากสารคัดหลั่งจากต่อมลูกหมากมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อลดลง ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้วจะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้มีเชื้อ แลคโตบาซิลลัสบริเวณช่องคลอดน้อย ทำให้ค่าความเป็นกรดด่างในช่องคลอดสูงขึ้น ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี รวมถึงผู้สูงอายุที่ต้องใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อรักษาอาการปัสสาวะไม่ออก กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือใส่ในช่วงผ่าตัด อาจเสี่ยงทำให้เชื้อโรคเข้าไปในทางเดินปัสสาวะได้ นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุมาจากโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดสมองทำให้ประสาทในการควบคุมการทำงานของ กระเพาะปัสสาวะผิดปกติ ทำให้ปัสสาวะค้าง เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และโรคอื่นๆ เช่น เกาต์ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไตวายเรื้อรัง เป็นต้น 

วิธีรักษาโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะในผู้สูงอายุ

  นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้สูงอายุเมื่อมีอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา โดยแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ หรือยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ และควรดื่มน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 8 -10 แก้ว เพื่อขับเชื้อออกจากปัสสาวะ ซึ่งโดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นภายใน 5 - 7 วัน  

วิธีดูแลผู้สูงอายุ ให้ห่างจากโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

  1. ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร เพื่อทำให้ปัสสาวะเจือจางและล้างเชื้อโรคออกจากกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้แบคทีเรียลดลง
  2. ดูแลสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาด
  3. สวมเสื้อผ้า กางเกงที่โปร่งสบายเพื่อป้องกันการอับชื้น
  4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ ชา น้ำอัดลม
  5. ไม่กลั้นปัสสาวะนานๆ 
  6. ผู้สูงอายุควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงเพื่อป้องกันท้องผูกเพราะมีผลต่อการทำงานของลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ
  7. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรวมถึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขอนามัย ซึ่งจะช่วยป้องกันและลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม