หนองใน อย่าปลอยไว้นาน จนต้องเกิดอันตราย

 
      โรคหนองในแท้ หรือ โรคโกโนเรีย (Gonorrhea)  นับว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบกันได้มากเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมด อาการที่เกิดขึ้นกับตัวผู้ป่วยนั้นมักจะไม่ได้มาเล่นๆ เพราะทั้งรุนแรงและชัดเจน หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาการที่เป็นอยู่ก็จะดีขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ไม่หายขาด ถ้ายังไม่รีบไปรักษาก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้อีกนับไม่ถ้วน



โรคหนองในไม่ยากที่จะเกิดและติดต่อ

    หนองใน เกิดจากการติดเชื้อของแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ไนซีเรีย โกโนเรียอี (Neisseria gonorrhoeae) หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘โกโนค็อกคัส’ (Gonococcus) ที่สามารถตรวจพบได้ในน้ำอสุจิและสารน้ำในช่องคลอด และถ่ายทอดกันผ่านการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้นและที่อบอุ่นของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ เริ่มตั้งแต่ปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก ท่อปัสสาวะในฝ่ายหญิง และระบบสืบพันธุ์ของฝ่ายชาย อีกทั้งเชื้อชนิดนี้ยังสามารถเจริญเติบโตในบริเวณอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น ทวารหนัก เยื่อบุตา ช่องปากคอ เป็นต้น
กิจกรรมที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อหนองใน : มักจะติดโรคมาจากการมีเพศสัมพันธุ์กับผู้ติดเชื้อโดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย ผ่านการสัมผัสเยื่อบุช่องคลอด ช่องปาก ทวารหนัก องคชาติ ซึ่งอาจจะไม่ต้องมีการหลั่งน้ำอสุจิก็ได้ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดติดเชื้อจากมารดาไปสู่ทารกในระหว่างคลอดผ่านการสัมผัสเชื้อโดยตรง โดยในสตรี เชื้อจะสามารถแพร่จากช่องคลอดไปสู่ทวารหนักได้เองโดยไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
กิจกรรมที่ไม่ทำเกิดการติดเชื้อหนองใน : อาทิ การจับมือ , การกอด , การจูบ , การใช้แก้วน้ำ จาน ชามร่วมกัน , การใช้ห้องน้ำ หรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน , การนั่งฝาโถส้วม , การใช้สระว่ายน้ำร่วมกัน ทั้งนี้ หนองในจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสระว่ายน้ำ หรือในโถส้วม จึงไม่มีโอกาสที่คนปกติทั่วไปจะติดเชื้อได้ ส่วนการมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้มือ หรือนิ้วช่วย ก็ยังไม่พบข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าสามารถทำให้เกิดการถ่ายทอดของเชื้อได้
กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อหนองใน : ได้แก่ กลุ่มวัยรุ่น , ผู้ติดยาเสพติด , ผู้ที่มีคู่นอนมากกว่า 1 คน , ผู้ที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยในขณะมีเพศสัมพันธ์ , ผู้ที่เคยเป็นโรคนี้มาแล้ว หรือเคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ อาทิ โรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นต้น
ระยะฟักตัวของโรค : หลังจากที่ได้รับเชื้อ ก็มักจะแสดงอาการภายใน 2 - 10 วัน แต่โดยทั่วไปแล้วจะแสดงอาการภายใน 5 วัน

อาการของหนองในที่สังเกตเห็นได้

     ผู้ชาย : ภายหลังจากที่ได้รับเชื้อประมาณ 2 - 10 วัน จะมีอาการแสบในลำกล้องเวลาที่ปัสสาวะ หรือมีอาการปัสสาวะขัด มีหนองไหลออกมาจากท่องปัสสาวะ ในระยะแรก หนองอาจจะแค่ไหลซึมเป็นมูกใสๆ เล็กน้อย โดยที่ไม่ใช่น้ำปัสสาวะ หรืออสุจิ ถัดมาอีก 12 ชั่วโมงให้หลังก็จะกลายเป็นหนองสีเหลืองข้น และจะออกมาคล้ายกับเส้นก๋วยเตี๋ยว ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดและถุงอัณฑะบวม หรืออาจมีการอักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายองคชาตร่วมด้วย แต่จะพบได้น้อย ในทางตรงกันข้าม เพศชายประมาณ 10% ที่ติดเชื้อหนองในอาจไม่มีอาการเหล่านี้แสดงออกมาให้เห็นได้ชัด แต่ก็ยังสามารถแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นได้
      ผู้หญิง : ในะระยะแรกที่มีการติดเชื้อหนองในมักจะยังไม่มีอาการแสดงออกมาให้เห็น แต่ในระยะต่อมาก็จะมีอาการตกขาวผิดปกติ เช่น มีปริมาณที่มากขึ้น , เป็นหนองสีเหลือง หรือสีเขียว , มีกลิ่นเหม็น , ไม่คัน , มีอาการขัดเบาและแสบร้อนทุกครั้งเมื่อปัสสาวะ , ปัสสาวะขุ่น , ปวดท้องน้อย , เลือดออกกะปริดกะปรอยในระหว่างที่มีรอบเดือนซึ่งพบได้น้อย แต่หากมีอาการอักเสบของปีกมดลูก จะทำให้มีไข้สูง , หนาวสั่น , ปวด และกดเจ็บตรงบริเวณท้องน้อยคล้ายปีกมดลูกอักเสบ เพศหญิงประมาณ 50% ที่ติดเชื้อหนองในอาจไม่มีอาการเหล่านี้แสดงออกมาให้เห็นได้ชัด แต่ก็ยังสามารถแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นได้
      ทั้งสองเพศ : หากเกิดการติดเชื้อในลำคอก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอ เป็นไข้ หรือหากติดเชื้อที่บริเวณทวารหนัก ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดหน่วง คัน หรืออาจมีคล้ายน้ำหนองไหลออกมา โดยเฉพาะในเวลาที่ขับถ่าย แต่หากติดเชื้อที่เยื่อบุตาก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวด ระคายเคือง และมีหนองไหล อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อในตำแหน่งต่างๆ อาจจะไม่มีอาการแสดงออกมาให้เห็นได้ชัดเลยก็เป็นได้ ซึ่งนอกจากอาการที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังอาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ (ไข่ดัน) บวมและมีอาการเจ็บได้อีกด้วย


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม