ถั่วลันเตา แก้ท้องผูก มีประโยชน์มากมาย


      ถั่วลันเตา อีกหนึ่งอาหารจากธรรมชาติที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมานาน ซึ่งนอกจากจะรสชาติหวานกรอบอร่อยแล้ว ก็ยังมีคุณค่าทางอาหารอีกมากมายที่รอให้คุณสัมผัสกับประโยชน์ดี ๆ เพื่อสุขภาพ มาทำความรู้จักกับผักชนิดนี้ให้มากขึ้น แล้วคุณจะตกหลุมรักเจ้าผักชนิดนี้จนรีบหามารับประทานกันอย่างด่วนจี๋เลย

 ประโยชน์ของถั่วลันเตา ดีแบบเน้น ๆ เด่นบำรุงสุขภาพ

    นอกจากจะเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูงแล้ว ถั่วลันเตาเองก็ยังมีประโยชน์กับสุขภาพอีกมากมาย จึงทำให้ถั่วชนิดนี้กลายเป็นอาหารที่มีดีอย่างครบถ้วนทั้งในด้านรสชาติที่หวานกรอบ และการบำรุงสุขภาพ ซึ่งประโยชน์ของถั่วลันเตามีดังนี้ค่ะ





1. อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

     ไม่ว่าจะเป็นสารฟลาโวนอยด์ แคโรทีนอยด์ กรดฟีโนลิก และโพลีฟีนอล ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย ลดการอักเสบ อันเป็นสาเหตุของโรคภัยต่าง ๆ อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ รวมทั้งช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย อีกทั้งยังมีวิตามินซี วิตามินอี และสังกะสีที่ดีต่อสุขภาพ


    ขึ้นชื่อว่าถั่วแล้ว แน่นอนล่ะว่าถั่วลันเตาก็เป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่มีปริมาณโปรตีนสูง แถมยังมีไขมันต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก อีกทั้งไฟเบอร์ในถั่วลันเตาก็ยังช่วยทำให้อิ่มนานขึ้น ลืมไปได้เลยเรื่องหิวบ่อย  เป็นการช่วยอีกทางหนึ่งของรักสุขภาพ

3. ลดคอเลสเตอรอล

    ไนอะซิน (Niacin) ที่อยู่ในถั่วลันเตา มีส่วนสำคัญในการช่วยลดการสร้างไขมันไตรกลีเซอไรด์ และไขมัน VLDL ซึ่งเป็นไขมันที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่ลำเลียงไตรกลีเซอไรด์จากตับไปยังอวัยวะต่าง ๆ ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ลดลง แต่ทำให้คอเลสเตรอลชนิดที่ดีเพิ่มขึ้น (HDL) จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดอุดตันได้





4. แก้ท้องผูก

     สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก ถั่วลันเตาช่วยคุณได้ค่ะ เพราะเจ้าถั่วชนิดนี้มีไฟเบอร์สูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย และทำให้ระบบลำไส้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ  เป็นยาชนิดหนึ่งสำหรับคนผูก

5. บำรุงหัวใจ

    นอกจากช่วยลดคอเลสเตอรอล และป้องกันหลอดเลือดอุดตันแล้ว ลูทีน และไฟเบอร์ที่อยู่ในถั่วลันเตาก็ยังช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อีกด้วย โดยจะเข้าไปป้องกันการก่อตัวของคราบพลักภายในผนังหลอดเลือดแดง ไม่เพียงเท่านั้นไธอะมีน โฟเลต ไรโบฟลาวิน ไนอะซิน และวิตามินบี 6 ยังช่วยลดระดับของโฮโมซีสเตอีน (Homocysteine) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจลง 

6. ป้องกันมะเร็งในช่องท้อง

    การศึกษาในประเทศเม็กซิโกพบว่า การรับประทานถั่วลันเตาเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งในช่องท้องได้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่า ภายในถั่วลันเตานั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อว่า คูเมสทรอล (Coumestrol) อยู่สูงถึง 10 มิลลิกรัมต่อถั่วลันเตา 1 ถ้วย ซึ่งเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดนี้จะเข้าไปป้องกันการออกซิเดชั่นที่ทำให้เกิดการอักเสบ และยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง

7. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

    ไฟเบอร์ที่อุดมอยู่ในถั่วลันเตา ทำให้เจ้าถั่วชนิดนี้กลายเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะไฟเบอร์เหล่านี้จะไปทำให้น้ำตาลถูกย่อยช้าลง อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในถั่วลันเตาก็ยังไปป้องกันภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ที่สำคัญคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่อยู่ในถั่วลันเตาก็ยังเป็นมิตรกับสุขภาพ ถั่วลันเตาไม่หวานมากเกินไป

8. บำรุงสายตา

    ถ้าจะพูดถึงวิตามินที่ช่วยบำรุงสายตาก็ต้องวิตามินเอ ซึ่งในถั่วลันเตาก็มีอยู่ไม่น้อย โดยในถั่วลันเตาเพียง 1/2 ถ้วย มีปริมาณวิตามินเอถึง 32% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน อีกทั้งยังมีลูทีน (Lutein) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องดวงตาจากภาวะต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อม ช่วยให้ดวงตาของเรายังใสปิ๊งไปอีกนาน





9. บำรุงกระดูก

    ถั่วลันเตามีวิตามินเคสูง เพียง 1 ถ้วยก็มีปริมาณวิตามินเคถึง 44% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน ซึ่งเจ้าแร่ธาตุชนิดนี้นี่ล่ะค่ะ ที่จะเข้าไปช่วยเสริมสร้างกระดูก ช่วยให้กระดูกสะสมแคลเซียมได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี ที่มีสรรพคุณป้องกันโรคกระดูกพรุนอีกด้วย

10. อุดมด้วยธาตุเหล็ก

      สำหรับคนที่ต้องการเสริมธาตุเหล็ก ถั่วลันเตาก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการบำรุงสุขภาพ เพราะถั่วลันเตาครึ่งถ้วยมีธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม ซึ่งธาตุเหล็กนั้นเป็นสารอาหารสำคัญที่พบได้ในฮีโมโกลบิน โปรตีนสำคัญที่ทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การรับประทานธาตุเหล็กอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอและไม่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม