เบื่อง่าย ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้เป็นโรคสมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่
ที่เคยเข้าใจว่าโรคสมาธิสั้นเกิดได้กับเด็กวัยซนเท่านั้น ขอให้เปลี่ยนความคิดซะใหม่เลยค่ะ เนื่องจากวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว หรือวัยผู้ใหญ่เต็มตัวก็สามารถเป็นโรคสมาธิสั้นได้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีอาการบ่งชี้ที่ติดตัวมาตั้งแต่ในวัยเยาว์ และอาการของโรคสมาธิสั้นนั้นไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาแต่ไม่ต่อเนื่อง จนมีโรคนี้ติดตัวมาในวัยผู้ใหญ่ด้วย
1. ผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นที่มีอาการมาตั้งแต่เด็ก แต่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ อาการของโรคจะถือว่าค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถใช้ชีวิตได้ปกติตามวัยทว่าก็อาจจะมีอาการของโรคสมาธิสั้นหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง เช่น ขี้หงุดหงิด เครียดง่าย ขี้โมโห หรือมีเรื่องกับญาติ
พี่น้องและเพื่อนร่วมงานบ่อย ๆ ทำให้ต้องเปลี่ยนงานอยู่เรื่อย รวมทั้งอาจมีนิสัยชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่เคสนี้มักจะสามารถควบคุมตนเองได้พอสมควร หรืออาจมีความคิดสร้างสรรค์และสติปัญญาดีด้วยในบางคน
2. ผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องมาตั้งแต่เด็ก หรืออาจได้รับความกดดันจากผู้ใกล้ชิด ทำให้มีพัฒนาการที่ช้าลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นผู้มีอารมณ์ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน ต้องประคับประคองอาการผิดปกติเหล่านี้ด้วยยาเป็นประจำ แต่ก็ยังอยู่ในขอบข่ายที่ใช้ชีวิตในสังคมได้ เพียงแต่ควรต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
3. ผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นที่ไม่รู้ตัวเองว่าเป็นโรค เคสนี้ในวัยเด็กจะดูปกติและฉลาดสมวัย ทำให้ไม่มีใครฉุกคิดว่าพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น ก้าวร้าว อันธพาล ชอบความรุนแรง และไม่คิดก่อนทำของผู้ป่วยเป็นอาการของโรค แต่เข้าใจไปว่าเป็นแค่เพียงลักษณะนิสัยปกติเท่านั้น จนในที่สุดก็ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง และอาจเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาชีวิต มีปัญหาการเข้าสังคม และไม่ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน
เอ้า ! คราวนี้มาสำรวจกันหน่อยสิว่า โรคสมาธิสั้น อาการเป็นยังไง แล้วเราเข้าข่ายป่วยด้วยไหมเนี่ย ?
แม้ส่วนมากโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่จะเป็นผลกระทบจากอาการของโรคในวัยเด็ก ทว่าหากรู้ทันอาการและได้มาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว การรักษาโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ก็ยังถือว่าไม่สายเกินไป โดยการรักษาโรคสมาธิสั้นควรต้องอาศัยการรักษาแบบผสมผสานด้วยวิธีการหลายอย่างร่วมกัน ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
1. ปรึกษาจิตแพทย์
การรักษาในขั้นนี้จะเน้นไปที่การปรับทัศนคติ การปรับพฤติกรรม ซึ่งต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยเองด้วย โดยอาจทำความเข้าใจกับครอบครัวของผู้ป่วยไปพร้อม ๆ กับการบำบัดคนไข้ ให้ครอบครัวและคนใกล้ชิดเข้าใจโรคและอาการของโรค พร้อมทั้งแนะนำให้ช่วยกันประคับประคองผู้ป่วยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2. การรักษาด้วยยา
แพทย์อาจเลือกให้ยารักษาอาการซึมเศร้า ยากระตุ้นทางจิตเวช ยาต้านอัดรีเนอร์จิด หรือยาทางจิตเวช ซึ่งต้องผ่านการวินิจฉัยว่ายาชนิดไหนจะให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยต่อคนไข้ ใช้ง่าย และมีผลข้างเคียงน้อย
3. ติดตามอาการของผู้ป่วย
เนื่องจากโรคสมาธิสั้นเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง จึงควรมีการรักษาและติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยในกรณีใช้ยารักษา ควรมีการติดตามประเมินผลข้างเคียงของยา รวมถึงติดตามผลสัมฤทธิ์ของยากับอาการของผู้ป่วยด้วย
ซึ่งหากผู้ป่วยไม่มีอาการตอบสนองด้วยดีจากการรักษาในรูปแบบไหนก็ตาม แพทย์ควรประเมิน
2. ผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องมาตั้งแต่เด็ก หรืออาจได้รับความกดดันจากผู้ใกล้ชิด ทำให้มีพัฒนาการที่ช้าลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นผู้มีอารมณ์ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน ต้องประคับประคองอาการผิดปกติเหล่านี้ด้วยยาเป็นประจำ แต่ก็ยังอยู่ในขอบข่ายที่ใช้ชีวิตในสังคมได้ เพียงแต่ควรต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
3. ผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นที่ไม่รู้ตัวเองว่าเป็นโรค เคสนี้ในวัยเด็กจะดูปกติและฉลาดสมวัย ทำให้ไม่มีใครฉุกคิดว่าพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น ก้าวร้าว อันธพาล ชอบความรุนแรง และไม่คิดก่อนทำของผู้ป่วยเป็นอาการของโรค แต่เข้าใจไปว่าเป็นแค่เพียงลักษณะนิสัยปกติเท่านั้น จนในที่สุดก็ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง และอาจเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาชีวิต มีปัญหาการเข้าสังคม และไม่ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน
เอ้า ! คราวนี้มาสำรวจกันหน่อยสิว่า โรคสมาธิสั้น อาการเป็นยังไง แล้วเราเข้าข่ายป่วยด้วยไหมเนี่ย ?
โรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ อาการบ่งชี้ที่น่าสงสัยว่าอาจป่วย
- ใจร้อน โผงผาง
- อารมณ์ขึ้นลงเร็ว โกรธง่าย หายเร็ว แต่หากโมโหมาก มักมีเรื่องขัดแย้งรุนแรงกับคู่กรณีเสมอ (ถึงขั้นลงไม้ลงมือ)
- หุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจ
- เอาแต่ใจสุด ๆ
- วอกแวกง่าย ไม่ค่อยมีสมาธิในการเรียนหรือทำงาน
- รอคอยอะไรนาน ๆ ไม่ค่อยได้
- ชอบทำอะไรหลายอย่างพร้อม ๆ กัน แต่มักจะทำไม่สำเร็จแม้แต่ชิ้นเดียว
- ใจร้อน โผงผาง
- อารมณ์ขึ้นลงเร็ว โกรธง่าย หายเร็ว แต่หากโมโหมาก มักมีเรื่องขัดแย้งรุนแรงกับคู่กรณีเสมอ (ถึงขั้นลงไม้ลงมือ)
- หุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจ
- เอาแต่ใจสุด ๆ
- วอกแวกง่าย ไม่ค่อยมีสมาธิในการเรียนหรือทำงาน
- รอคอยอะไรนาน ๆ ไม่ค่อยได้
- ชอบทำอะไรหลายอย่างพร้อม ๆ กัน แต่มักจะทำไม่สำเร็จแม้แต่ชิ้นเดียว
- ไม่รู้จักแบ่งเวลา ขาดความสามารถในการบริหารจัดการเวลา
- ชอบผัดวันประกันพรุ่ง
- นั่งอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้นาน ชอบเขย่าขา ลุกเดินบ่อย ๆ หรือเล่น/คุยโทรศัพท์ แม้ในขณะขับรถก็ตาม
- เบื่อง่าย ต้องการสิ่งเร้าใจอยู่เสมอ
- ขาดระเบียบวินัยในตนเอง ห้องหรือที่อยู่อาศัยรกรุงรัง
- เปลี่ยนงานบ่อย เนื่องจากความผิดพลาดจากการทำงาน หรือปัญหากับเพื่อนร่วมงาน
- มาสาย ผิดนัดบ่อย ไม่ใส่ใจกับธุระของผู้อื่น เคร่งครัดเฉพาะเรื่องที่ตนสนใจเท่านั้น
- พฤติกรรมก้าวร้าว มักมีปัญหากับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ผู้บังคับบัญชาก็ตาม
- ชอบผัดวันประกันพรุ่ง
- นั่งอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้นาน ชอบเขย่าขา ลุกเดินบ่อย ๆ หรือเล่น/คุยโทรศัพท์ แม้ในขณะขับรถก็ตาม
- เบื่อง่าย ต้องการสิ่งเร้าใจอยู่เสมอ
- ขาดระเบียบวินัยในตนเอง ห้องหรือที่อยู่อาศัยรกรุงรัง
- เปลี่ยนงานบ่อย เนื่องจากความผิดพลาดจากการทำงาน หรือปัญหากับเพื่อนร่วมงาน
- มาสาย ผิดนัดบ่อย ไม่ใส่ใจกับธุระของผู้อื่น เคร่งครัดเฉพาะเรื่องที่ตนสนใจเท่านั้น
- พฤติกรรมก้าวร้าว มักมีปัญหากับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ผู้บังคับบัญชาก็ตาม
- ชอบขับรถเร็วมากจนเสี่ยงกับการเกิดอุบัติเหตุ
- ชอบใช้จ่ายโดยไม่ยั้งคิด มักสร้างหนี้ต่อเนื่อง
- คุยโอ้อวดความสามารถของตนเอง
- ขาดสมาธิจดจ่อ ไม่สามารถรับฟังผู้อื่นพูดนาน ๆ ได้ ส่งผลให้ขาดความรอบคอบในการทำงาน
- ขี้หลงขี้ลืม
- ขาดความมั่นใจในตนเอง
- ชอบโพล่งขึ้นมาดื้อ ๆ ในวงสนทนา ชอบขัดจังหวะ หรือแสดงพฤติกรรมที่ขาดความยั้งคิดมาก่อน
- ขาดแรงบันดาลใจในการทำสิ่งใด ๆ ก็ตาม ทำให้มีลักษณะนิสัยจับจด ไม่ประสบผลสำเร็จในอะไรสักอย่าง
- ชอบใช้จ่ายโดยไม่ยั้งคิด มักสร้างหนี้ต่อเนื่อง
- คุยโอ้อวดความสามารถของตนเอง
- ขาดสมาธิจดจ่อ ไม่สามารถรับฟังผู้อื่นพูดนาน ๆ ได้ ส่งผลให้ขาดความรอบคอบในการทำงาน
- ขี้หลงขี้ลืม
- ขาดความมั่นใจในตนเอง
- ชอบโพล่งขึ้นมาดื้อ ๆ ในวงสนทนา ชอบขัดจังหวะ หรือแสดงพฤติกรรมที่ขาดความยั้งคิดมาก่อน
- ขาดแรงบันดาลใจในการทำสิ่งใด ๆ ก็ตาม ทำให้มีลักษณะนิสัยจับจด ไม่ประสบผลสำเร็จในอะไรสักอย่าง
- กระสับกระส่าย มีอาการวิตกกังวลแม้แต่กับเรื่องเล็ก ๆ
- ติดแอลกอฮอล์ หรือมีประวัติใช้สารเสพติด
- มีแนวโน้มหย่าร้าง เนื่องจากปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว
อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยของโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่อาจทำได้ยาก เนื่องจากผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าเป็นโรค โดยจะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิต เช่น ต้องเปลี่ยนงานบ่อยจนน่าผิดสังเกต มีปัญหาการเข้าสังคมอย่างรุนแรง และปัญหาเหล่านี้ต้องผลักดันให้ผู้ป่วยมาพบจิตแพทย์ ทว่าหากผู้ป่วยมีประวัติการป่วยตั้งแต่วัยเด็ก กรณีนี้อาจนำไปสู่การบำบัดรักษาที่ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ
ทว่าหากลองสำรวจแล้วพบว่ามีอาการตรงกับลักษณะนิสัยของตัวเองมากเกินครึ่งหนึ่ง แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์เพื่อวิเคราะห์อาการและหาทางออกจะดีกว่า
- ติดแอลกอฮอล์ หรือมีประวัติใช้สารเสพติด
- มีแนวโน้มหย่าร้าง เนื่องจากปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว
อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยของโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่อาจทำได้ยาก เนื่องจากผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าเป็นโรค โดยจะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิต เช่น ต้องเปลี่ยนงานบ่อยจนน่าผิดสังเกต มีปัญหาการเข้าสังคมอย่างรุนแรง และปัญหาเหล่านี้ต้องผลักดันให้ผู้ป่วยมาพบจิตแพทย์ ทว่าหากผู้ป่วยมีประวัติการป่วยตั้งแต่วัยเด็ก กรณีนี้อาจนำไปสู่การบำบัดรักษาที่ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ
ทว่าหากลองสำรวจแล้วพบว่ามีอาการตรงกับลักษณะนิสัยของตัวเองมากเกินครึ่งหนึ่ง แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์เพื่อวิเคราะห์อาการและหาทางออกจะดีกว่า
โรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ การรักษายังทำได้ไหม
แม้ส่วนมากโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่จะเป็นผลกระทบจากอาการของโรคในวัยเด็ก ทว่าหากรู้ทันอาการและได้มาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว การรักษาโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ก็ยังถือว่าไม่สายเกินไป โดยการรักษาโรคสมาธิสั้นควรต้องอาศัยการรักษาแบบผสมผสานด้วยวิธีการหลายอย่างร่วมกัน ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
1. ปรึกษาจิตแพทย์
การรักษาในขั้นนี้จะเน้นไปที่การปรับทัศนคติ การปรับพฤติกรรม ซึ่งต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยเองด้วย โดยอาจทำความเข้าใจกับครอบครัวของผู้ป่วยไปพร้อม ๆ กับการบำบัดคนไข้ ให้ครอบครัวและคนใกล้ชิดเข้าใจโรคและอาการของโรค พร้อมทั้งแนะนำให้ช่วยกันประคับประคองผู้ป่วยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2. การรักษาด้วยยา
แพทย์อาจเลือกให้ยารักษาอาการซึมเศร้า ยากระตุ้นทางจิตเวช ยาต้านอัดรีเนอร์จิด หรือยาทางจิตเวช ซึ่งต้องผ่านการวินิจฉัยว่ายาชนิดไหนจะให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยต่อคนไข้ ใช้ง่าย และมีผลข้างเคียงน้อย
3. ติดตามอาการของผู้ป่วย
เนื่องจากโรคสมาธิสั้นเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง จึงควรมีการรักษาและติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยในกรณีใช้ยารักษา ควรมีการติดตามประเมินผลข้างเคียงของยา รวมถึงติดตามผลสัมฤทธิ์ของยากับอาการของผู้ป่วยด้วย
ซึ่งหากผู้ป่วยไม่มีอาการตอบสนองด้วยดีจากการรักษาในรูปแบบไหนก็ตาม แพทย์ควรประเมิน
ผู้ป่วยซ้ำ และพิจารณาให้การรักษาเพิ่มเติม เช่น รักษาโรคที่พบร่วมกับโรคสมาธิสั้น (อาจเป็นโรคเครียดหรือโรคซึมเศร้า เป็นต้น) ไปพร้อม ๆ กับรักษาด้วยพฤติกรรมบำบัดหรือครอบครัวบำบัด ทว่าหากยังไม่เห็นผล กรณีนี้อาจต้องส่งต่อผู้ป่วยไปให้ถึงมือผู้เชี่ยวชาญตามความเหมาะสม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น